กฎหมายห้ามเยาวชนใช้โซเชียลมีเดีย

ดร. รุจิระ บุนนาค

คอลัมน์ แนวหน้าออนไลน์ กฎ กติกา ธุรกิจ

เผยแพร่ : วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

ในยุคปัจจุบัน โซเชียลมีเดีย ประเภท Facebook หรือ Meta, TikTok, Instagram มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

บางคนใช้โซเชียลมีเดีย จนถึงขั้นที่อาจเรียกว่า เสพติด เมื่อตื่นตอนเช้าจะเริ่มหยิบมือถือมาดูโซเชียลมีเดีย เมื่อเข้าสังคม ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสนทนา ทานอาหาร แม้กระทั่งเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ตามเทศกาล ยังอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูโซเชียลมีเดีย ทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม แม้แต่ยามเวลาจะเข้านอน ยังอดไม่ได้ที่จะดูโซเชียลมีเดีย จนดึกดื่น เบียดเบียนเวลานอน และเวลาพักผ่อน

พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นปัญหาของสังคมในยุคสมัยใหม่ ที่ขยายตัวไปอย่างกว้างขวางถึงขนาดมีกรณีศึกษาว่า ครูให้นักเรียนทำการบ้าน และได้ตั้งคำถามว่า เมื่อโตขึ้นอยากเป็นอะไร? ได้มีเด็กบางคนทำการบ้านส่งครูตอบว่า อยากเป็นโทรศัพท์มือถือ เพราะพ่อแม่สนใจแต่โทรศัพท์มือถือ ดูแต่โซเชียลมีเดีย ไม่สนใจในตัวหนูเลย

การเสพติดโซเชียลมีเดีย ยังลุกลามไปยังเด็กและเยาวชน จริงอยู่ แม้ด้านหนึ่งของโซเชียลมีเดีย จะเป็นประโยชน์ ที่เด็กและเยาวชนสามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว ทำให้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง แต่เมื่อมากเกินไป เด็กและเยาวชนใช้โซเชียลมีเดียไปในทางบันเทิงมากกว่าการศึกษาหาความรู้กันเอง จนขาดทักษะในการเข้าสังคม ทำงานร่วมกับผู้อื่น ใจร้อนไม่สามารถรอคอยสิ่งใดๆ ที่ใช้เวลาได้ เพราะคุ้นเคยกับการได้รับคำตอบในการค้นหาทางโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว จึงเกิดเป็นปัญหาในสังคมอย่างไม่เคยมีมาก่อน

หลายประเทศได้เริ่มเห็นปัญหานี้ และมีบางประเทศที่มีกฎหมายบังคับใช้ในเรื่องนี้แล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มี เพียงแต่มีนักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ แต่ไม่ได้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

ประเทศสหรัฐอเมริกาในรัฐฟลอริดา ได้ออกกฎหมายคุ้มครองเด็กในการใช้สื่อออนไลน์ (CS/CS/HB 3: Online Protections for Minors) ได้บัญญัติ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า14 ปีใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2568

กฎหมายนี้ กำหนดให้สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ต้องทำการลบบัญชีผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้ที่ไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองออกจากแพลตฟอร์มออกทั้งหมดอย่างถาวรขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานทั่วไปต้องทำการยืนยันตัวตนด้วย เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ใช่บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยกฎหมายยังเปิดโอกาสให้บิดามารดา ผู้ปกครองสามารถนำเรื่องมาดำเนินคดีต่อบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มที่ไม่ทำเช่นนั้นด้วย

ตามระบบกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ละรัฐมีอำนาจออกกฎหมายเพื่อใช้บังคับในรัฐของตนเองได้ โดยที่รัฐอื่นอาจยังไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องออกกฎหมายตามรัฐที่มีกฎหมายบังคับใช้แล้ว จึงอาจเป็นกรณีที่ การกระทำอย่างเดียวกันถือเป็นความผิดในรัฐหนึ่ง ที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด แต่ในรัฐอื่นที่ไม่มีกฎหมายใช้บังคับ ไม่ถือเป็นความผิด

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลประเทศออสเตรเลีย ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และกำลังศึกษาปัญหาอย่างจริงจัง และมีนโยบายที่จะออกกฎหมายบังคับ เกี่ยวกับกำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียFacebook หรือ Meta, Instagram และTikTok ภายในสิ้นปีพ.ศ. 2567 นี้ แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลีย จะยังไม่ได้เปิดเผยอายุที่แน่นอน แต่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ระหว่าง 14 ถึง 16 ปี

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้แสดงท่าทีว่า สนับสนุนให้ผู้ใช้ที่มีอายุมากกว่าในช่วงอายุดังกล่าว ซึ่งหมายถึงอายุ 16 ปีขึ้นไป

แม้ว่าประเทศออสเตรเลียมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ยังได้เล็งเห็นว่า ภัยเงียบจากการใช้โซเชียลมีเดีย โดยเด็กและเยาวชนที่มีอายุน้อยเกินไป ไม่สามารถควบคุมดูแลตนเองได้ จำเป็นจะต้องมีกฎหมายบังคับใช้อย่างจริงจัง

ในประเทศไทย ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่าเด็กเล็กบางคน เสพติดโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเลต เพื่อดูโซเชียลมีเดียมากเกินไป หากพ่อแม่ไม่ตามใจ อาจร้องโวยวาย และทำร้ายตนเอง เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จะสนใจแต่โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเลตเพื่อดูโซเชียลมีเดียโดยไม่สนใจ อย่างอื่นเลย แม้แต่พ่อแม่ของตนเอง ถึงขั้นต้องพบกับจิตแพทย์เด็ก หรือนักจิตวิทยาเด็ก เพื่อทำการบำบัด

ในบางประเทศ เยาวชนที่ถูกพ่อแม่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถืออย่างหักดิบ ไม่ได้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเล่นโซเชียลมีเดียมากเกินไปถึงขั้นซึมเศร้า ทำร้ายตนเอง และฆ่าตัวตาย ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว

อาจถึงเวลาแล้ว องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ในประเทศไทยควรให้ความสำคัญและใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องโซเชียลมีเดียอย่างจริงจังเสียที

                                                            ………………

Marut Bunnag Copyright @2020

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
Cookie policy for development and experience and the experience of use that has previously been studied in detail in the policy and can be controlled by controlling the installation.setting

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies in each category can be customized according to your needs, except for essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Policy

1. Send only queries related to laws only.
2. Do not use rude words, or words which implicate other persons.
3. The sender of a message to the legal board must be responsible for his/her statement.

เงื่อนไขการใช้งานกระทู้คำถาม

1.สำหรับส่งคำถามที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายเท่านั้น
2.ห้ามมีคำหยาบคาย พาดพิงบุคคลอื่น ทำให้เกิดความเสียหาย
3.ผู้ที่ส่งคำถามลงในกระดานกฏหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อข้อความนั้น