ลงพิมพ์ในแนวหน้า : 22 กุมภาพันธ์ 2564
ดร. รุจิระ บุนนาค
22 มกราคม 2564
Facebook : Rujira Bunnag
Twitter : @RujiraBunnag
แก้หน้ากาก..ขาดตลาด
เสือร้องไห้ เป็นชื่อของอาหารประเภทกับแกล้ม โดยใช้เนื้อวัว บริเวณส่วนอกที่อ่อนนุ่มมีมันปนเล็กน้อย แล่เป็นชิ้นหนาตามยาว หมักด้วยซอสปรุงรส ย่างด้วยไฟอ่อนๆ นำมาหั่นให้พอดีคำ เวลารับประทานจิ้มด้วยน้ำจิ้ม หรือแจ่ว
ทำไมจึงเรียกว่า “เสือร้องไห้” เนื้อวัวส่วนที่อยู่ในอก มีกระดูกซี่โครงปิดบังอยู่ เป็นเนื้อส่วนเดียวในตัววัวที่เสือกินไม่ได้ เพราะเสือไม่สามารถแหวกซี่โครงออกได้ และหัวใหญ่เกินกว่าที่จะมุดเข้าไปกินเนื้อส่วนนี้ได้ เสือทำได้เพียงใช้ลิ้นลิ้มลองรสหวานของมันที่ติดกับเนื้อส่วนนี้ ซากวัวส่วนนี้จึงถูกเหลือไว้ รอให้สัตว์อื่นมากิน พรานล่าเสือจึงเรียกเนื้อส่วนนี้ว่า “เสือร้องไห้” เพราะเสือไม่มีปัญญาจะกินเนื้อส่วนนี้ หรือมีที่มาเป็นในเชิงขบขัน ที่เล่ากันว่า เมื่อเสือได้กินเนื้อวัวตรงส่วนนี้แล้ว ส่วนนี้จะเหนียวกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ ทำให้เศษเนื้อติดในซอกฟันเสือ เสือแคะไม่ออก หรือไม่สามารถแคะได้ เสือจึงร้องไห้ กลายเป็นอีกเรื่องของที่มา “เสือร้องไห้”
เสือร้องไห้ ยังเป็นชื่อของว่านชนิดหนึ่ง ที่บางแห่งเรียกว่า “พญากาสัก” เป็นไม้พุ่มสูง 2-4 เมตร ลำต้นสีเขียวมีข้อชัดเจน ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ เรียงสลับ รูปไข่ กว้าง 25-30 ซม. ยาว 30-50 ซม. ผิวใบเป็นคลื่นเล็กน้อย มีหูใบแผ่เป็นแผ่นเห็นได้ชัดเจน ดอกสีขาวแกมเขียวอ่อน ออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายยอด ลักษณะเป็นชั้นๆ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ผลเป็นผลสด รูปร่างค่อนข้างกลมแป้น เมื่อแก่สีดำ ขนาด 1-3 มม. มีสรรพคุณ คือ หัว ผสมสมุนไพรชนิดอื่น ใช้รักษากามโรค แผลฝี หนองในรากใช้ย้อมผ้าให้สีแดง
เมนูเสือร้องไห้ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี และหลายคนนิยมสั่งมาเป็นกับแกล้ม ได้กลายมาเป็นประเด็นที่การวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างทั้งในประเทศมาเลเซียและประเทศไทย
เสือร้องไห้ ตามภาษามาลายูเรียกว่า “ฮาริมาอู เมอนางิส” (Harimau Menangis)หมายถึง ส่วนหนึ่งของเนื้อ