ค่าโง่..ภาษีบุหรี่

ลงพิมพ์ในแนวหน้า : 15 มีนาคม 2564

ดร. รุจิระ บุนนาค

12 มีนาคม 2564

แม้จะทราบกันดีว่า  บุหรี่เต็มไปด้วย สารนิโคติน หากร่างกายได้รับนานๆ จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด โรคหัวใจการสูบบุหรี่ 1 มวน อาจทำให้อายุสั้นลง 7 นาทีทั้งที่ซองบุหรี่จะมีภาพที่แสดงถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ยังทำร้ายคนรอบข้างได้อย่างร้ายกาจ  แต่กระนั้นก็ตาม  การเลิกบุหรี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคน 

    ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax) จัดเก็บจากสินค้าและบริการ ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ และศีลธรรมอันดี มีลักษณะเป็นสินค้าและบริการที่ฟุ่มเฟือยเช่น ยาสูบสุราแช่ สุรากลั่นเครื่องดื่มชูกําลัง ไพ่ สลากกินแบ่งรัฐบาล สนามแข่งม้า สถานประกอบการด้านบันเทิงเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ภาษีสุราและยาสูบ บางทีเรียกว่า ภาษีบาป (sin tax) เพราะเป็นการสื่อความหมายถึงรัฐไม่สนับสนุนและต้องการให้ประชาชนลด ละ เลิกสุราและยาสูบ

การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตยาสูบจะจัดเก็บจากผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ได้แก่ ยาเส้น (ใบยาหรือยาอัดซึ่งได้หั่นเป็นเส้นและแห้ง) และยาสูบ (บุหรี่ซิกาแรต บุหรี่ซิการ์บุหรี่อื่นๆ ยาเส้นปรุง รวมถึงยาเคี้ยว) โดยจัดเก็บเป็นค่าแสตมป์ยาสูบ (Tax Point) แสตมป์นี้ จะนำไปปิดบนซองยาเส้นหรือยาสูบสําหรับยาสูบที่ผลิตในประเทศ ผู้มีหน้าที่เสียภาษี คือ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบจากกรมสรรพสามิตชำระค่าแสตมป์ยาสูบและปิดแสตมป์ยาสูบก่อนนำออกจากโรงอุตสาหกรรม กรณียาสูบนำเข้าจากต่างประเทศ  ตัวแทนนำเข้ามีหน้าที่เสียภาษี โดยต้องชำระค่าแสตมป์ยาสูบ และปิดแสตมป์ยาสูบก่อนรับมอบจากเจ้าพนักงานศุลกากรผู้ผลิตหรือนำเข้ายาสูบ มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนสรรพสามิต

ในการคิดคํานวณภาษีสรรพสามิตยาสูบตามพ.ร.บ. ยาสูบ พ.ศ.2509 สําหรับยาสูบในประเทศและยาสูบที่นําเข้าต้องคํานวณแบบผสม (รวมถึงบุหรี่ซิกาแรต) คือใช้อัตราภาษีตามมูลค่า (ถ้าเป็นยาสูบที่ผลิตในประเทศไทยจะใช้ราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรมยาสูบเป็นฐานภาษีสําหรับยาสูบที่นําเข้า ให้ถือตามราคา ซี.ไอ.เอฟ คือ ราคายาสูบที่บวกด้วยค่าประกันภัยและค่าขนส่งถึงด่านศุลกากร เป็นฐานภาษี) และอัตราภาษีตามสภาพหรือตามปริมาณ (ใช้ปริมาณยาสูบตามน้ำหนักเป็นกรัมเป็นฐานภาษี) หากวิธีใดคํานวณแล้วเสียภาษีเป็นเงินสูงกว่า ให้เก็บตามอัตราภาษีที่สูงกว่า

องค์การอนามัยโลกเสนอว่า การขึ้นราคาบุหรี่มีประสิทธิภาพสูงในการลดความต้องการบริโภค ช่วยหยุดและป้องกันการเริ่มใช้ยาสูบ การเพิ่มราคาบุหรี่ร้อยละ 10 จะลดความต้องการสูบบุหรี่ได้ร้อยละ 4 ในประเทศมีรายได้สูง และร้อยละ 5 ในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง

เมื่อปีพ.ศ.2560 กรมสรรพสามิตออกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตขึ้นภาษียาสูบเป็น2 อัตรา คือ บุหรี่ไม่เกินซองละ 60 บาท เสียภาษีร้อยละ 20 ส่วนซองละ 60 บาทขึ้นไป เสียภาษีร้อยละ 40 การขึ้นภาษีนี้ส่งผลให้บุหรี่ไทยราคาสูงขึ้น ทั้งขายได้น้อยลง  ในขณะที่บุหรี่นอกราคาถูกลง ทำให้ขายได้มากขึ้น ทั้งๆที่บุหรี่เป็นสินค้าที่อันตราย  รัฐควรต้องกำหนดราคาให้สูงขึ้น เพื่อให้คนสามารถลด ละ เลิกได้ และไม่เป็นการส่งเสริมนักสูบหน้าใหม่  โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน

การขึ้นราคาบุหรี่ไทย ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจยาสูบและชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จากการรับซื้อใบยาสูบที่ลดลงฮวบ กลุ่มชาวไร่ยาสูบมีรายได้ลดลงกว่าพันล้านบาท เพราะคนหันไปซื้อบุหรี่นอก แต่เดิมนั้น บุหรี่นอกจำหน่ายซองละ 70-72 บาท ควรจะต้องเสียภาษีร้อยละ 40  แต่ราคากลับลดลงเหลือ 60 บาท เนื่องจากภาษีลดลงเหลือร้อยละ 20

นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ตรงกันว่า การปล่อยให้บุหรี่นอกลดราคา  ไม่แต่เป็นเพียงขัดกับหลักเศรษฐศาสตร์ แต่ยังขัดกับคำชี้แนะของธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลก  เพราะบุหรี่เป็นสินค้าอันตราย การปรับโครงสร้างภาษีจะต้องไม่ทำให้ราคาจำหน่ายบุหรี่ลดลงแต่กรมสรรพสามิตกลับกำหนดพิกัดอัตราภาษี โดยไม่บัญญัติให้คงราคาเดิมหรืออย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าราคาเดิมไว้ก่อนบังคับใช้ ส่งผลให้บุหรี่นำเข้าลดราคาได้ 

ข้อมูลปี พ.ศ.2560 – 2563 รัฐมีรายได้นำส่งแผ่นดินลดลงมากกว่า 10,000-21,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนปีพ.ศ.2560 การทบทวนเรื่องราคาและภาษีบุหรี่ ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม

การกำหนดอัตราภาษียาสูบ 2 อัตราของกรมสรรพสามิต เป็นการขัดต่อหลักการจัดเก็บภาษีที่ดีคือ หลักความเสมอภาคและหลักความเป็นธรรม (Equity and fairness) กล่าวคือผู้ประกอบการที่นำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศกับผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ในประเทศ ควรถูกจัดเก็บภาษีในอัตราเดียว เพื่อสร้างความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายอื่น 

หากรัฐย้อนกลับไปกำหนดห้ามลดราคาและใช้ราคาบุหรี่เดิม ก่อนที่จะบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560  ย่อมเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และสอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกที่ไทยลงร่วมลงนามไว้

ขณะนี้ กรมสรรพสามิตกำลังเร่งสรุปโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เพื่อให้ทันใช้บังคับในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564  ประชาชนต้องการเห็นว่า  การปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ จะต้องครอบคลุมให้ได้ใน4 เรื่องหลัก คือ 1.การดูแลเกษตรกร 2.สุขภาพของประชาชน 3.ปราบปรามบุหรี่เถื่อน และ 4.การจัดเก็บรายได้ของกรม 

ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล โดยกรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลัง ควรปรับภาษียาสูบให้มีความสมดุลมากขึ้นในทุกๆ มิติ เพื่อเป็นมาตรการป้องกันและตรวจสอบการหลีกเลี่ยงภาษีของผู้ประกอบการและรักษาผลประโยชน์ของประเทศในขณะเดียวกันต้องลดการบริโภคยาสูบของประชาชน

Marut Bunnag Copyright @2020

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
Cookie policy for development and experience and the experience of use that has previously been studied in detail in the policy and can be controlled by controlling the installation.setting

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
You can choose your cookie settings by turning them on/off. Cookies in each category can be customized according to your needs, except for essential cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า

Policy

1. Send only queries related to laws only.
2. Do not use rude words, or words which implicate other persons.
3. The sender of a message to the legal board must be responsible for his/her statement.

เงื่อนไขการใช้งานกระทู้คำถาม

1.สำหรับส่งคำถามที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายเท่านั้น
2.ห้ามมีคำหยาบคาย พาดพิงบุคคลอื่น ทำให้เกิดความเสียหาย
3.ผู้ที่ส่งคำถามลงในกระดานกฏหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อข้อความนั้น